วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดเชียงราย

               


                  เชียงรายมีเมืองโบราณเก่าแก่อยู่ที่เชียงแสน ตามพงศาวดารสิงหนวัติกล่าวว่า เมื่อชนชาวไทยอพยพ จากจีนตอนใต้นั้น ได้มาตั้งอาณาจักรโยนก เชียงแสนขึ้นโดยตั้งเมืองอยู่ที่เวียงสีทอง มีกษัตริย์ปกครอง ต่อเนื่องกันมาจนถึงราว พ.ศ.
1580 สมัยพระเจ้าพังคราชปกครองเชียงแสน ขอมซึ่งกำลังเรืองอำนาจ ได้เข้ามายึดครองเชียงแสนเป็นเมืองขึ้น และให้เชียงแสนส่งส่วยทองคำ จำนวนมากพระเจ้าพังคราช ได้พาราษฎรอพยพหนีไปอยู่บน ฝั่งแม่น้ำสาย แต่พวกขอมก็ตามไป บังคับเก็บส่วยอีก นับเป็นยุคที่อาณา จักรโยนกเชียงแสนตกต่ำอย่างมาก พระเจ้าพังคราชมีโอรสสององค์ชื่อ ทุกชิตกุมารและพรหมกุมาร เมื่อพรหมกุมารเจริญวัยขึ้น ได้ซ่องสุมกำลังพลไว้เพื่อต่อสู้กับขอม เมื่ออายุได้ 17 ปี ก็สามารถขับไล่ขอม ออกไปได้ พร้อมกับ เชิญเสด็จพระเจ้าพังคราชมาปกครองโยนกเชียงแสนตาม เดิมและเปลี่ยนชื่อเวียง สีทองเป็นเวียงไชยบุรีโดยให้เจ้าทุกชิตกุมารเป็นมหาอุปราช ส่วนพรหมกุมารมา ตั้งเมืองใหม่ชื่อไชย ปราการในสมัยพระเจ้าพรหมนี้เองได้มีการยกกองทัพขับไล่ขอมลง ใต้มาถึงกำแพง เพชรและได้นำพระ แก้วมรกตจากกำแพงเพชรกลับไปด้วย  ไชยปราการมีผู้ปกครองต่อมาอีกเพียงองค ์เดียวก็ต้องอพยพทิ้ง เมืองเนื่องจากถูกพม่ารุกราน เชื้อสายพระเจ้าพรหมสืบต่อเนื่องมาถึงเจ้าลาวจักราชเจ้าลาวเม็ง และพญาเม็ง รายพญาเม็งรายประสูติในปี พ.ศ. 1781 เป็นพระโอรสของ  พระเจ้าลาวเม็ง และนางอั้วมิ่งเมืองธิดาท้าว รังแก่นชายผู้ครองเมืองเชียงรุ้ง ทรงอภิเษกสมรสกับธิดาเมืองเชียงเรือง เมื่อมีพระชนมายุ 16 พรรษาพญา เม็งรายขึ้นครองเมืองหิรัญนครเงินยางต่อจากพระเจ้าลาวเม็งในปี พ.ศ. 1802 หลังจาก ขึ้นครองราชย์ พญาเม็งรายก็ปราบปรามหัวเมืองต่างๆ เพื่อรวบรวมบ้านเมืองให้เป็น ปึกแผ่นระหว่าง การปราบปรามหัว เมืองต่างๆ พญาเม็งรายก็มาพบทำเลดีที่ริมน้ำกก ในปี พ.ศ. 1805 พญาเม็งรายจึง อพยพผู้คนมาตั้งเมือง ใหม่ที่ริมแม่น้ำกกโอบล้อมดอยจอมทองไว้ ตั้งชื่อเมืองว่าเชียงราย อยู่เชียงราย ได้เพียง 3 ปีพญาเม็งรายก็ ย้ายไปตั้งเมืองใหม่ ที่เวียงไชยปราการ (ฝาง) ในปี พ.ศ. 1811 ส่วนเมืองเชียงรายเดิมยกให้ขุนเครื่อง ราชโอรสองค์โตครอง แต่ภายหลังก็ถูกประหารชีวิตเนื่องจาก เป็นกบฏพญาเม็งรายสามารถขยายอาณาเขต ได้กว้างขวาง ทิศเหนือขยายถึงสิบสองปันนา ทิศใต้ จดพะเยา เมืองเล็กเมืองน้อยต่างมาขอสามิภักดิ์ เมืองใกล้เคียงที่ยังไม่ยอมมาสามิภักดิ์คือพะเยา และหริภุญไชย พญาเม็งรายทรงยกทัพมาตีเมืองพะเยา ก่อนแต่พ่อขุนงำเมืองนั้นรักสงบเลยยกทัพ มารับและยกแคว้น ปากน้ำให ทั้งสองเมืองจึงกระทำสัตย์เป็น มิตรกันซึ่งทำให้พญาเม็งรายได้เป็น มิตรกับพ่อขุนรามคำแหง แห่งสุโขทัยด้วยจากนั้นพญาเม็งรายก็ทรง ยกทัพมาตีเมืองหริภุญไชยของพญายีบาได้ในปี พ.ศ. 1824 แล้ว ย้ายเมืองไปตั้งใหม่ที่เวียงกุมกาม ในปี พ.ศ. 1829 และย้ายไปตั้งเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1835 - 1839 เกิดเป็นอาณาจักรล้านนาที่รุ่งเรือง  ทางด้านเชียงรายมีกษัตริย์สืบราชวงศ์ต่อมา คือ พระเจ้าชัย สงครามราชโอรสพญาเม็งราย เมื่อพญาเม็ง รายเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 1860 พระเจ้าชัยสงครามสละ ราชสมบัติให้พระเจ้าแสนภู ราชโอรสส่วน ตนเองนำอัฐิของพญาเม็งรายไปบรรจุไว้ที่ดอยงำเมือง และเฝ้าอยู่ทีนั่น ปี พ.ศ. 1871 พระเจ้าแสนภู ย้ายเมืองใหม่ไปอยู่ริมแม่น้ำโขง และขุดคูอีกสามด้านล้อมรอบ ตัวเมืองไว้ ตั้งชื่อเมืองว่าหิรัญนคร ชัยบุรีศรีเชียงแสน (อำเภอเชียงแสนในปัจจุบัน) และมีกษัตริย์ สืบต่อมา ถึงปี พ.ศ.2101ก็เสียเมืองแก่พม่า  เชียงรายและเชียงแสนเป็นอิสระจากพม่าในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ และถูกยกฐานะเป็น จังหวัดเชียงรายในปี พ.ศ. 2476


อ้างอิง : http://www.oocities.org/tour_north/pavong.html

แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย



ไร่บุญรอด


           สิงห์ ปาร์ค (Singha Park) หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า ไร่บุญรอด ตั้งอยู่ริมถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ อำเภอเมือง ห่างจากเขตชุมชนเมืองเชียงราย ประมาณ 9 กิโลเมตร ในพื้นที่ประมาณ 8,000 ไร่ ครอบคลุม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลดอยฮาง ตำบลรอบเวียง ตำบลป่าอ้อดอนชัย และตำบลแม่กรณ์ ความสูงของพื้นที่เฉลี่ย 450 เมตร เหนือจากระดับน้ำทะเล ในฤดูหนาวอากาศค่อนข้างเย็นสบาย

           สภาพของพื้นที่โดยทั่ว ๆ ไปเป็นที่ลาด-เนินเขา มีภูเขาเล็ก ๆ พื้นที่มีความลาดเทปานกลาง เป็นพื้นที่เพาะปลูกพื้นหลากหลายชนิด เช่น ชาอู่หลงสายพันธุ์จินซวน (Jin Xuan) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ ชาอู่หลงเบอร์ 12 เป็นชาสายพันธุ์ไต้หวัน ปลูกบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ จำนวนกว่า 761,000 ต้น พื้นที่ปลูกยางพารากว่า 2,700 ไร่ พุทราพันธุ์ซื่อหมี่ กว่า 100 ไร่, สตรอว์เบอร์รี อีกหนึ่งสุดยอดที่มาพร้อมลมหนาว ซึ่งที่ไร่บุญรอดจะปลูกสตรอว์เบอร์รีในพื้นที่ 4 ไร่ สายพันธุ์พระราชทาน 80 เป็นเกษตรกรรมผสมผสาน หมดฤดูกาลจะปลูกแคนตาลูปและมะเขือเทศพันธุ์เลื้อย โดยสตรอว์เบอร์รีจะให้ผลผลิตมกราคม-กุมภาพันธ์ และพืชผักผลไม้เมืองหนาวอีกหลากหลายชนิด

           ทั้งนี้ สิงห์ ปาร์ค เปิดบริการให้ชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00–16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 0900 2686 หรือเว็บไซต์ boonrawdfarm.com และ เฟซบุ๊ก Boon Rawd Farm



พระธาตุดอยตุง


           พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 17.5 บนทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นำมาจากมัธยมประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ได้มาประดิษฐานที่ล้านนาไทย เมื่อก่อสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี้ ได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) ใหญ่ยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยซึ่งเป็นที่ประดิษฐานปฐมเจดีย์แห่งล้านนาไทย จึงปรากฏนามว่า ดอยตุง

           ทั้งนี้ พระธาตุดอยตุงเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ เมื่อถึงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงจะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน สหภาพพม่า ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ เดินทางเข้ามานมัสการทุกปี



พระตำหนักดอยตุงและสวนแม่ฟ้าหลวง


           พระตำหนักดอยตุง ตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร พระตำหนักดอยตุงเคยเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีรูปทรงผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนากับชาเลย์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการแกะสลักไม้ตามกาแล เชิงชายและขอบหน้าต่างเป็นลวดลายต่าง ๆ โดยฝีมือช่างชาวเหนือ รอบ ๆ พระตำหนักมีสวนดอกไม้หลากพันธุ์ หลายสี ให้ความสวยงามสดชื่น โดยเฉพาะในฤดูหนาวจะเห็นหมอกจาง ๆ บริเวณยอดเขารอบพระตำหนัก มีเจ้าหน้าที่นำชมเป็นรอบ ๆ ละ 20 นาที เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 90 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 5376 7015-7 หรือ www.doitung.org

           ส่วน สวนแม่ฟ้าหลวง อยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกซัลเวีย, พิทูเนีย, บีโกเนีย, กุหลาบ, ดอกลำโพง, ไม้มงคลต่าง ๆ, ไม้ยืนต้น และซุ้มไม้เลื้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด รูปปั้นต่อเนื่องฝีมือของ มีเซียม ยิบอินซอย (Misiem Yipintsoi) เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.30-18.00 น. ค่าเข้าชม 90 บาท

           หอแห่งแรงบันดาลใจ เป็นอาคารแสดงพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและพระราชวงศ์ มีห้องจัดแสดงนิทรรศการ 8 ห้อง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 50 บาท นอกจากนั้นยังมีร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้าไหม ผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงทั้งผักผลไม้ ดอกไม้ พรรณไม้ต่าง ๆ ให้ซื้อกลับไปเป็นของฝาก

           นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมทั้งพระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง และหอแห่งแรงบันดาลใจ โดยมีจำหน่ายบัตรรวม ราคา 190 บาท ซุ้มจำหน่ายบัตรเปิดเวลา 06.30-18.00 น. หลังเวลา 17.00 น. จำหน่ายเฉพาะบัตรชมพระตำหนักและสวนแม่ฟ้าหลวง (หมายเหตุ : ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถเช็กราคาได้ที่ www.doitung.org)



วัดร่องขุ่น


           วัดร่องขุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อ พ.ศ. 2540 โดยบนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และขยายออกเป็น 12 ไร่ พระอุโบสถสีขาวตกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงินแวววาว เป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับด้วยพญานาค ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถและห้องแสดงภาพวาดน่าสนใจมาก เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. โทรศัพท์ 0 5367 3579 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดร่องขุ่น.com

           การเดินทาง : วัดอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 12 กิโลเมตร บนเส้นทางไปจังหวัดพะเยา เลี้ยวขวาที่สามแยกทางไปน้ำตกขุนกรณ์ ประมาณ 100 เมตร วัดอยู่ซ้ายมือ



 ดอยแม่สลอง

         
             ดอยแม่สลอง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสันติคิรี เดิมชื่อ บ้านแม่สลองนอก เป็นชุมชนผู้อพยพจากกองพล 93 จากสหภาพพม่าเข้ามาในเขตไทย จำนวนสองกองพัน คือ กองพันที่ 3 เข้ามาอยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และกองพันที่ 5 อยู่ที่บ้านแม่สลองนอก ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 ในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งเป็นซากุระพันธุ์ที่เล็กที่สุด สีชมพูอมขาวจะบานสะพรั่งตลอดแนวทางขึ้นดอยแม่สลอง เป็นพันธุ์ไม้ที่หาชมได้ยากในเมืองไทย เพราะเจริญเติบโตอยู่แต่เฉพาะในภูมิอากาศหนาวจัดเท่านั้น

           จุดน่าสนใจบนดอยแม่สลอง เช่น ชมไร่ชาและศึกษาวิธีการผลิตชา ขี่ม้าชมทิวทัศน์รอบหมู่บ้านเจียงจาใส และอนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ประเทศไทย ลองไปศึกษาเรื่องราวและประวัติของชาวดอยแม่สลอง โดยจะมีไกด์คอยนำชม เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ อบต. แม่สลองนอก โทรศัพท์ 0 5376 5129

           การเดินทางใช้เส้นทางเชียงราย-แม่จัน 28 กิโลเมตร เลยจากอำเภอแม่จันไป 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไป 23 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านผาเดื่อ ซึ่งเป็นจุดแวะชมและซื้อหัตถกรรมชาวเขา จากนั้นเดินทางจากบ้านอีก้อสามแยก ตรงไปดอยแม่สลอง ระยะทาง 10 กิโลเมตร รวมระยะทางจากเชียงราย 64 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอดสาย และจากดอยแม่สลองมีถนนเชื่อมต่อไปถึงบ้านท่าตอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ในกรณีไม่ได้ขับรถมาเองให้ขึ้นรถประจำทางจากตัวเมืองเชียงรายไปต่อรถสองแถวที่ปากทางขึ้นดอยแม่สลอง



  วนอุทยานภูชี้ฟ้า 



           วนอุทยานภูชี้ฟ้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นสุดฮอตของจังหวัดเชียงราย อยู่ห่างจากดอยผาตั้ง 25 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า อยู่สูงจากระดับทะเลประมาณ 1,628 เมตร โดยมีหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว บนยอดภูชี้ฟ้าเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ในฤดูหนาวจะมีทิวทัศน์สวยงามเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาค้างแรมบริเวณบ้านร่มฟ้าทองทาง ซึ่งห่างจากจุดชมวิวประมาณ 1.5 กิโลเมตร แล้วจะเดินขึ้นภูชี้ฟ้าเพื่อไปชมวิวตอนเช้ามืด ระหว่างทางจะพบแปลงปลูกป่านางพญาเสือออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์) และในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ต้นเสี้ยวดอกขาวรอบภูชี้ฟ้าจะออกดอกบานเต็มเชิงเขา

           การเดินทางใช้เส้นทางเชียงราย-เทิง ระยะทาง 64 กิโลเมตร และจากเทิง-บ้านปี้ ระยะทาง 6 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1155 ผ่านบ้านปางค่า บ้านเชงเม้ง เป็นทางลาดยาง ถึงภูชี้ฟ้าระยะทาง 42 กิโลเมตร หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 1021 สายเทิง-เชียงคำ-บ้านฮวก ก่อนถึงเชียงคำ 6 กิโลเมตร มีทางแยกไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกภูซาง อีก 19 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่อไปยังภูชี้ฟ้าอีก 30 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถนำรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถวนอุทยานภูชี้ฟ้าแล้วเดินเท้าไปจุดชมวิวประมาณ 700 เมตร สอบถามรายละเอียดติดต่อได้ที่ สถานีขนส่งเชียงราย โทรศัพท์ 0 5371 1224 อบต.ตับเต่า โทรศัพท์ 0 5318 9111 และศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทรศัพท์ 0 5371 0195-6



  ดอยผาตั้ง


           ดอยผาตั้ง ตั้งอยู่ใกล้ทางหลวงหมายเลข 1093 กิโลเมตรที่ 89 เป็นจุดชมวิวไทย-ลาว มีความสูง 1,635 เมตร และเที่ยวชมทะเลหมอกได้ตลอดปี ซึ่งในเดือนธันวาคมถึงมกราคมมีดอกซากุระบาน และเดือนกุมภาพันธ์ก็จะมีดอกเสี้ยวบานสะพรั่งงดงาม นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาตั้งนี้ ปัจจุบันประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิล และชา

           การเดินทางจากจังหวัดเชียงรายใช้เส้นทางเชียงราย-เวียงชัย-พญาเม็งราย-บ้านต้า ทางหลวงหมายเลข 1233, 1173 และ 1152 ระยะทาง 50 กิโลเมตร บ้านต้า-บ้านท่าเจริญ ทางหลวงหมายเลข 1020 ระยะทาง 45 กิโลเมตร บ้านท่าเจริญ-เวียงแก่น-ปางหัด ทางหลวงหมายเลข 1155 ระยะทาง 17 กิโลเมตร และปางหัด-ดอยผาตั้ง อีก 15 กิโลเมตร จุดชมวิวช่องผาบ่อง สามารถมองเห็นแม่น้ำโขงทอดตัวคดเคี้ยวในฝั่งลาว  หากเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงจะถึงจุดชมวิว 103 ทั้งนี้ สภาพเส้นทางบางช่วงสูงชัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ จุดบริการนักท่องเที่ยวดอยผาตั้ง โทรศัพท์ 0 5391 8301 หรือ องค์การบริหารส่วนตำบลปอ โทรศัพท์ 0 5371 0300, 0 5391 8265



ถนนคนเดินเชียงราย+ถนนคนม่วนเชียงราย


           จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ เทศบาลนครเชียงราย จัดโครงการถนนคนเดินเชียงราย “กาดเจียงฮายรำลึก” เชิญชวนนักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมสัมผัสวิถีชีวิตแบบล้านนาในอดีต ที่แสดงออกถึงวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และสินค้าของดีของเชียงราย โดยจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ของเดือน ณ ถนนธนาลัย ตั้งแต่สี่แยกสำนักงานยาสูบฯ ไปจนถึงสี่แยกธนาคารออมสิน ขณะที่ทุกวันอาทิตย์ของเดือนจะมี “ถนนคนม่วนเชียงราย” ซึ่งอยู่บนถนนสันโค้งน้อย บริเวณการจัดงานแบ่งเป็นหลาย ๆ ส่วน โดยมีกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายร่วมกันจัดแสดงกิจกรรมมากมายตลอดเส้นทาง



  วัดพระแก้ว


           วัดพระแก้ว ตั้งอยู่บริเวณถนนไตรรัตน์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง เป็นวัดที่ค้นพบ พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระแก้ว กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่าเมื่อ พ.ศ. 1897 ในสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกนเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้น ฟ้าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่งและได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิกเกิดกะเทาะออกมาจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวสร้างด้วยหยก คือ พระแก้วมรกต นั่นเอง

           ปัจจุบันชาวเชียงรายได้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหม่ขึ้นแทน เรียกว่า พระหยกเชียงราย หรือ พระพุทธรัตนากรนวุติวัสสานุสรณ์มงคล ซึ่งสร้างขึ้นในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ภายในวัดซีกกำแพงด้านทิศใต้ มีพิพิธภัณฑ์โฮงหลวงแสนแก้ว ลักษณะเป็นอาคารทรงล้านนาประยุกต์สองชั้น เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนาและวัฒนธรรมล้านนา รวบรวมจัดแสดงศิลปวัตถุที่สำคัญของวัด และสิ่งของที่มีผู้นำมาถวาย เช่น พระพุทธรูป พระธาตุ เครื่องใช้เกี่ยวกับศาสนาของล้านนา เช่น เครื่องบูชา ฉัตร  ตุง เครื่องเขิน เป็นต้น  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 5371 1385 หรือ watphrakaew-chiangrai.com



  สวนรุกขชาติดอยช้างมูบ


           ช้างมูบ เป็นชื่อดอยที่สูงที่สุดของเทือกเขานางนอน คือ ประมาณ 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นดงฝิ่นที่ใหญ่ที่สุด และเป็นการเส้นทางลำเลียงยาเสพติดหลักในภูมิภาค สภาพป่าจึงถูกทำลายจนหมดสิ้น ต่อมาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชประสงค์ให้ฟื้นฟูผืนป่าแถบนี้ให้อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง โครงการพัฒนาดอยตุงฯ จึงพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสวนรุกขชาติ รวบรวมพรรณไม้พื้นเมืองและพรรณไม้ป่าหายาก กุหลาบพันปีจากหลายประเทศ ต้นนางพญาเสือโคร่ง กล้วยไม้พื้นเมือง รองเท้านารี ฯลฯ ปลูกอยู่ในสวนอย่างเป็นธรรมชาติกลางป่าสน มีเส้นทางการเดินลัดเลาะตามไหล่เขา มีลานสำหรับพักผ่อน ชมทิวทัศน์ได้รอบตัว แลเห็นได้ถึงประเทศเพื่อนบ้าน และลำน้ำโขง



อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช


           ตั้งอยู่ที่ห้าแยกพ่อขุน อำเภอเมือง เส้นทางที่จะไปอำเภอแม่จันหรือแม่สาย สำหรับพ่อขุนเม็งรายเป็นกษัตริย์องค์ที่ 25 แห่งราชวงศ์ลัวะจังคราช เป็นโอรสของพญาลาวเม็ง และพระนางเทพคำขยาย หรือพระนางอั้วมิ่งจอมเมือง ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีกุน พุทธศักราช 1782 เสด็จสวรรคตที่เมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ.1854 พ่อขุนเม็งรายได้สร้างเมืองเชียงรายขึ้นบนดอยทอง จากรากฐานเดิมที่เคยเป็นเมืองมาก่อน เมื่อ พ.ศ.1805 ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ แห่งราชวงศ์เม็งราย และรวบรวมบ้านเล็กเมืองน้อยเข้าเป็นอาณาจักรล้านนาไทยจนเจริญรุ่งเรืองถึงปัจจุบัน

           โดยประชาชนชาวเชียงรายร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพ่อขุนเม็งราย ปั้นโดย นายปกรณ์ เล็กฮอน และทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2507 สำหรับลักษณะของอนุสาวรีย์ คือ เป็นพระรูปของพระองค์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าครึ่ง ทรงฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ล้านนาโบราณ ประทับยืนบนฐานสูงประมาณ 3 เมตร ทรงถือดาบด้วยพระหัตถ์ซ้ายแนบกับพระเพลา ทรงสวมมาลัยพระกร ทรงสวมธำมรงค์ที่พระหัตถ์ขวาตรงนิ้วนางและนิ้วก้อย ที่พระหัตถ์ซ้ายตรงนิ้วชี้ และทรงฉลองพระบาท ปัจจุบันมีตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติประดับอยู่ทางด้านหลังอนุสาวรีย์ด้วย และที่ตรงฐานใต้พระบรมรูปมีคำจารึกว่า "พ่อขุนเม็งรายมหาราช พ.ศ. 1782-1860 ทรงสร้างเมืองเชียงรายขึ้นเป็นเมืองแรกเมื่อ พ.ศ. 1805 ทรงสถาปนาอาณาจักรล้านนาไทยให้เป็นปึกแผ่น และทรงสร้างความสามัคคีระหว่างชนชาติไทย"

           ทั้งนี้ กู่พระเจ้าเม็งราย ตั้งอยู่หน้าวัดงำเมือง บนดอยงำเมือง กู่นี้เป็นอนุสาวรีย์สำคัญแห่งหนึ่ง เพราะเป็นที่บรรจุอัฐิของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าไชยสงคราม ราชโอรสพระเจ้าเม็งราย เมื่อได้มอบราชสมบัติให้พระเจ้าแสนภูราชโอรสขึ้นครองนครเชียงใหม่แล้ว พระองค์ได้นำอัฐิพระราชบิดามาประทับอยู่ที่เมืองเชียงราย และได้โปรดเกล้าฯ สร้างกู่บรรจุอัฐิของพระราชบิดาไว้ ณ ดอยงำเมืองแห่งนี้



 พิพิธภัณฑ์บ้านดำ


           พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ตั้งอยู่ที่ตำบลนางแล อำเภอเมือง สร้างขึ้นโดย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี นับเป็นแหล่งเรียนรู้อันทรงคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมแบบร่วมสมัย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยภายในบ้านมีสิ่งก่อสร้าง ทั้งวิหาร บ้าน ศาลา ห้องแสดงผลงาน ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 43 สิ่งก่อสร้าง เช่น วิหารเล็ก, มหาวิหาร (อาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะ), บ้านสามเหลี่ยม (ที่พักรับรองนักเขียน ลูกศิษย์ และห้องทำงาน), เรือนผกายแก้ว, เรือนเชียงทองทาทาบรุ้ง, อูปปรภพ (ห้องจิตวิญญาณ) และบ้านดำแกลลอรี่ (ศูนย์ข้อมูลและร้านจำหน่ายของที่ระลึก) สอบถามเพื่อเข้าชม โทรศัพท์ 0 5370 5834, 0 5377 6333, 08 1673 1155 หรือ thawan-duchanee.com



 ดอยหัวแม่คำ


           ดอยหัวแม่คำ อยู่สูงจากระดับทะเล 1,850 เมตร เป็นที่ตั้งหมู่บ้านชาวเขาขนาดใหญ่ ประกอบด้วยเผ่าลีซอ เป็นกลุ่มชนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีอีก้อ ม้ง และมูเซอ ในช่วงเวลาซึ่งตรงกับตรุษจีนของทุกปี ชาวลีซอจะจัดงานประเพณีกินวอ ซึ่งเปรียบเสมือนวันขึ้นปีใหม่ ในวันนั้นชาวลีซอแต่งกายสวยงาม มีการกินเลี้ยง เต้นระบำ 7 วัน 7 คืน และในเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ดอยหัวแม่คำงดงามไปด้วย “ดอกบัวตอง” สีเหลืองสดใสสะพรั่งอยู่ทั่วไปตามแนวเขา เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก

           การเดินทางจากเชียงรายใช้เส้นทางเดียวกับทางขึ้นดอยแม่สลองสายเก่า ทางหลวงหมายเลข 1130 แล้วเลี้ยวขวาที่สามแยกอีก้อ ผ่านบ้านเทอดไทย ไปจนถึงบ้านแม่คำ ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 100 กิโลเมตร บ้านหัวแม่คำอยู่เกือบสุดชายแดน เส้นทางเป็นทางลูกรังคดโค้งไปตามทิวเขา ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง



ล่องแม่น้ำกก


           แม่น้ำกก เป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากบ้านท่าตอนผ่านตัวเมืองเชียงราย มีความยาวรวมทั้งสิ้น 130 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือจากท่าเรือริมแม่น้ำในตัวเมือง (ท่าเรือซีอาร์) เพื่อเที่ยวชมทัศนียภาพของแม่น้ำกก สองฟากฝั่งเป็นป่าเขาที่สวยงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ระหว่างทางยังสามารถแวะชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น อีก้อ ลีซอ หรือจะแวะบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตรเพื่อนั่งช้างเที่ยวป่ารอบบริเวณ



อ้างอิง : http://travel.kapook.com/view72100.html


แผนที่จังหวัดเชียงราย





ข้อมูลทั่วไปของจังหวัดเชียงราย

สภาพภูมิศาสตร์

ที่ตั้ง
                   จังหวัดเชียงรายตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศไทย อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 19 องศาเหนือ ถึง 20 องศา 30 ลิปดาเหนือและเส้นแวงที่ 99 องศา 15 ลิปดา ถึง 100 องศา 45 ลิปดาตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 785  กิโลเมตร       

          อาณาเขต
              ทิศเหนือ           ติดต่อกับ    ประเทศสหภาพพม่าและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
              ทิศตะวันออก     ติดต่อกับ    สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
              ทิศใต้              ติดต่อกับ    จังหวัดพะเยาและลำปาง
              ทิศตะวันตก       ติดต่อกับ    ประเทศสหภาพพม่าและจังหวัดเชียงใหม่

          แนวเขตชายแดนติดต่อกับประเทศพม่าด้านอำเภอแม่จัน แม่สาย แม่ฟ้าหลวง และเชียงแสนรวม 130 กิโลเมตร แยกเป็นแนวภูเขา 100 กิโลเมตร แนวแม่น้ำสาย 10กิโลเมตรและแนวแม่น้ำรวก
20  กิโลเมตร 
          แนวเขตชายแดนติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีระยะทาง 180 กิโลเมตร โดยเป็นแนวแม่น้ำโขง 90 กิโลเมตร และแนวภูเขา 94 กิโลเมตร

           สภาพภูมิประเทศ
                    เชียงรายมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงในทวีปตอนเหนือ  (North  Continental  Highland) มีพื้นราบสูงเป็นหย่อมๆ  ในเขตอำเภอแม่สรวย  เวียงป่าเป้า  และเชียงของ  บริเวณเทือกเขาจะมีความสูงประมาณ  1,500  -  2,000  เมตร   จากระดับน้ำทะเล   บริเวณส่วนที่ราบตามลุ่มแม่น้ำสำคัญในตอนกลางของพื้นที่  ได้แก่  อำเภอพาน  เมือง  แม่จัน  แม่สาย  เชียงแสน  และเชียงของ  มีความสูงประมาณ  410  -  580  เมตร  จากระดับน้ำทะเล


          สภาพภูมิอากาศ
                   อุณหภูมิ   ในห้วงปี  2544 2548   จังหวัดเชียงรายมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง  33.1 

องศาเซลเซียส   อุณหภูมิสูงสุด  38.8  องศาเซลเซียส  เมื่อวันที่  28  เมษายน  2544  และวันที่  9  พฤษภาคม  2546 

                   ฝน   ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละ  1,768  มิลลิเมตร  มากที่สุดในปี 2544  จำนวน  2,287.60  มิลลิเมตรน้อยที่สุดในปี 2546  จำนวน  1,404.10  มิลลิเมตร  จำนวนวันที่มีฝนตกเฉลี่ย  143  วันต่อปี

                   ฤดูหนาว   (พฤศจิกายน กุมภาพันธ์)  จังหวัดเชียงรายมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ  15.0 องศาเซลเซียส  อุณหภูมิต่ำสุด  8.0 องศาเซลเซียส  เมื่อวันที่  28  มกราคม  2544


          ป่าไม้
                             พื้นที่จังหวัดเชียงรายมีทั้งสิ้น  11,678.369  ตารางกิโลเมตร  หรือ  7,298,981  ไร่  

ในปี  2542  มีพื้นที่ป่าไม้จำนวน  2,365,967  ไร่  คิดเป็นร้อยละ  32.42  ของพื้นที่ทั้งหมด  พื้นที่ป่าไม้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ  ดังนี้

                    อุทยานแห่งชาติ  (National  Park)  มีอยู่  3  แห่ง  คือ  อุทยานแห่งชาติดอยหลวง  เนื้อที่  731,250  ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอพาน  แม่สรวย  เวียงป่าเป้า  จังหวัดเชียงราย  และอำเภอแม่ใจ  อำเภอเมือง  จังหวัดพะเยา  อำเภอวังเหนือ  อำเภองาว  จังหวัดลำปาง    อุทยานแห่งชาติขุนแจ    มีเนื้อที่  168,750  ไร่  ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย  อุทยานแห่งชาติภูซาง  เนื้อที่  178,050  ไร่  ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเทิง  จังหวัดเชียงราย  อำเภอเชียงคำและกิ่งอำเภอภูซาง  จังหวัดพะเยา    อุทยานแห่งชาติแม่ปืม   มีเนื้อที่  227,312  ไร่  ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง  อำเภอพาน  อำเภอป่าแดด  จังหวัดเชียงราย,  อำเภอแม่ใจ  อำเภอเมือง  กิ่งอำเภอภูกามยาว  จังหวัดพะเยา  อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก  มีเนื้อที่  467,185  ไร่  ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง  อำเภอแม่จัน  อำเภอแม่ลาว  อำเภอแม่สรวย  จังหวัดเชียงราย
                     วนอุทยาน    (Forest  Park เป็นแหล่งธรรมชาติที่รัฐจัดไว้ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน  และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด  ในจังหวัดเชียงรายมีวนอุทยานทั้งหมด  10  แห่ง  คือ    
                              1.  วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน   มีเนื้อที่  5,000  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยนางนอน  ท้องที่ตำบลโป่งผา  อำเภอแม่สาย  จังหวัดเชียงราย
                              2.  วนอุทยานดอยหัวแม่คำ  มีเนื้อที่  3,500  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำแม่คำป่าน้ำแม่สลอง  และป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้าย  ท้องที่ตำบลแม่สลองใน  อำเภอแม่ฟ้าหลวง  จังหวัดเชียงราย
                              3.  วนอุทยานน้ำตำตาดควัน  มีเนื้อที่  2,100  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยสัก  และป่าแม่กกฝั่งขวา และป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยหลวง  ป่าน้ำยาว  และป่าน้ำซ้อ  ท้องที่อำเภอพญาเม็งราย  จังหวัดเชียงราย
                              4.  วนอุทยานน้ำตกแม่โท  มีเนื้อที่  4,000  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปูนน้อย  ป่าแม่ปูนหลวง  และป่าห้วยโป่งเหม็น  ท้องที่อำเภอเวียงป่าเป้า  จังหวัดเชียงราย 
                              5.  วนอุทยานภูชี้ฟ้า  มีเนื้อที่  2,500  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่อิงฝั่งขวา  และป่าแม่งาว  ท้องที่อำเภอเทิง  อำเภอเวียงแก่น  จังหวัดเชียงราย
                              6.  วนอุทยานสันผาพญาไพร  มีเนื้อที่  3,000  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำแม่คำ  ป่าน้ำแม่สลอง  และป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้าย  ท้องที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง  จังหวัดเชียงราย
                              7.  วนอุทยานน้ำตกวังธารทอง  มีเนื้อที่  8,000  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสบกกฝั่งขวา  ท้องที่อำเภอเชียงแสน  จังหวัดเชียงราย
                              8.  วนอุทยานดอยพระบาท  มีเนื้อที่  3,000  ไร่  อยู่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยสัก  และป่าแม่กกฝั่งขวา  ท้องที่กิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง  จังหวัดเชียงราย
                              9.  วนอุทยานน้ำตกห้วยแม่สัก  มีเนื้อที่  2,800  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยสัก  และป่าแม่กกฝั่งขวา  ท้องที่กิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง  จังหวัดเชียงราย
                            10.  วนอุทยานพญาพิภักดิ์  มีเนื้อที่  3,750  ไร่  อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าป่าแดง  และป่าห้วยป่าตาล  และป่าห้วยไคร้  ท้องที่อำเภอขุนตาล  จังหวัดเชียงราย          
                     สวนรุกชาติ   (Arboretum)  จังหวัดเชียงรายมีสวนรุกชาติเพียงแห่งเดียว  คือ  สวนรุกชาติโป่งสลี  อำเภอเมือง  มีพื้นที่  668.75  ไร่  พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้สักขนาดใหญ่  ซึ่งเป็นป่าเดิมที่เหลืออยู่และมีการปลูกต้นไม้อื่นๆ  แทรกบ้าง
                     ป่าสงวนแห่งชาติ  (National  Reserved  Forest)   จังหวัดเชียงรายมีป่าสงวนทั้งหมด  30  แห่งมีพื้นที่รวม  4,485,966  ไร่  คิดเป็นร้อยละ  61.46  ของพื้นที่จังหวัด  แบ่งเป็นพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์  จำนวน  3,525,896  ไร่  พื้นที่มอบ  สปก. จำนวน  960,070  ไร่  แยกออกเป็นพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ  513,683  ไร่  ป่าเพื่อการเกษตร  425,832  ไร่  และพื้นที่กันคืนกรมป่าไม้  20,555  ไร่ 
                    ป่าชุมชน   (Community  Forest)   ป่าชุมชนเป็นป่าธรรมชาติที่ชาวบ้านได้ช่วยกันป้องกันรักษาเอาไว้สำหรับเป็นแหล่งซับน้ำและใช้สอย  ปัจจุบันมีการสร้างป่าชุมชนขึ้นในพื้นที่สาธารณะ  เพื่อใช้ประโยชน์ของชุมชน
                     เขตห้ามล่าสัตว์ป่า  มีจำนวน 1 แห่ง  คือ  เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย   อำเภอเชียงแสน  มีพื้นที่  2,711  ไร่


การปกครองและการเมือง
                 หน่วยการปกครอง
                     จังหวัดเชียงรายแบ่งหน่วยปกครองออกเป็น
- ส่วนราชการสังกัดส่วนภูมิภาค  27 หน่วยงาน
- ส่วนราชการสังกัดส่วนกลาง     85  หน่วยงาน
- ส่วนราชการสังกัดส่วนท้องถิ่นได้แก่
องค์การบริหารส่วนจังหวัด           1   แห่ง
เทศบาลนคร                            1   แห่ง
เทศบาลตำบล                          25   แห่ง
องค์การบริหารส่วนตำบล          120   แห่ง
-  อำเภอ  16  อำเภอและกิ่งอำเภอ 2กิ่งอำเภอ 124 ตำบล 1,738 หมู่บ้าน

ลำ
ดับ
อำเภอ/กิ่งอำเภอ
ตำบล
หมู่บ้าน
เทศบาลนคร
เทศบาลตำบล
อบต.
สภาตำบล
ระยะทางจากอำเภอถึงจังหวัด  กม.
1.
เมืองเชียงราย
16
228
1
1
15
-
-
2.
เชียงของ
7
101
-
2
6
1
145
3.
เวียงป่าเป้า
7
92
-
2
7
-
91
4.
เทิง
10
152
-
2
10
-
64
5.
ป่าแดด
5
58
-
2
5
-
52
6.
พาน
15
323
-
1
15
-
47
7.
เวียงชัย
5
71
-
1
5
-
12
8.
แม่จัน
11
138
-
24
9
-
28
9.
เชียงแสน
6
70
-
1
6
-
60
10.
แม่สาย
8
88
-
2
8
-
63
11.
แม่สรวย
7
128
-
2
7
-
62
12.
พญาเม็งราย
5
69
-
1
5
-
48
13.
เวียงแก่น
4
41
-
-
4
-
150
14.
ขุนตาล
3
55
-
1
3
-
63
15.
แม่ฟ้าหลวง
4
76
-
-
4
-
65
16.
แม่ลาว
5
63
-
2
5
-
19
17.
กิ่ง อ.เวียงเชียงรุ้ง
3
43
-
1
3
-
45
18.
กิ่ง อ.ดอยหลวง
3
33
-
-
3
-
40

รวม
124
1,738
1
25
120
1

                ที่มา  :  ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย


 ประชากร
                  ประชากร   ณ  ปี 2549   รวมทั้งสิ้น  1,003,174  คน  เป็นชาย  499,844   คน หญิง  503,330  คน  สำหรับอำเภอที่มีประชากรมากที่สุด  ได้แก่  อำเภอเมืองมีจำนวน  141,245  คน  รองลงมา  ได้แก่  อำเภอพานมีจำนวน  120,887  คน  และอำเภอเทิงมีจำนวน  77,818  คน  สำหรับอำเภอที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุด  คือ  อำเภอแม่สาย  208.74  คน/ตร.กมรองลงมาได้แก่  อำเภอเวียงชัย  146.82  คน/ตร.กมและอำเภอพาน  118.17  คน/ตร.กม

จำนวนประชากรแยกตามเพศ  รายอำเภอ  ตามจำนวนประชากร  ปี  2549
อำเภอ
รวม
ชาย
หญิง
จำนวนบ้าน
เมืองเชียงราย
141,245
69,428
71,817
50,209
เชียงของ
52,466
26,406
26,060
17,189
เวียงป่าเป้า
60,331
30,489
29,842
19,331
เทิง
77,818
38,921
38,897
23,678
ป่าแดด
12,008
6,043
5,965
3,343
พาน
120,887
59,812
61,075
40,337
เวียงชัย
37,992
18,900
19,092
12,273
แม่จัน
77,804
38,363
39,441
27,249
เชียงแสน
47,574
23,602
23,972
16,584
แม่สาย
59,491
28,799
30,692
24,279
แม่สรวย
74,422
37,840
36,582
22,272
พญาเม็งราย
37,620
18,944
18,676
10,607
เวียงแก่น
32,642
16,619
16,023
9,396
ขุนตาล
26,852
13,451
13,401
7,962
แม่ฟ้าหลวง
77,568
38,808
38,760
19,750
แม่ลาว
24,729
12,273
12,456
8,601
กิ่ง อ.เวียงเชียงรุ้ง
22,318
11,212
11,106
6,436
กิ่ง อ.ดอยหลวง
19,407
9,934
9,473
7,029
รวมทั้งจังหวัด
1,003,174
499,844
503,330
326,525

                                ที่มา  ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย

อ้างอิง : http://www.chiangraifocus.com/2010/guide_book/kingmengrai/index3.php